วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551

บ้านไร่กาแฟ

.
แนวคิดธุรกิจที่ดำเนินการ

ในปัจจุบัน ตลาดของคนดื่มกาแฟมีการขยายตัวมากขึ้น ซึ่งสามารถสังเกตได้จาก ผลิตภัณฑ์กาแฟในท้องตลาดไม่ว่าจะกาแฟซอง กาแฟกระป๋อง กาแฟสดคั่ว หลายยี่ห้อ ตั้งแต่ราคาแก้วละ 10 บาท จนถึงแก้วละ 100 บาท ธุรกิจร้านกาแฟเกิดขึ้นมากมายในทุกแห่ง และแนวโน้มของคนดื่มกาแฟจะหันมานิยมรสชาติของกาแฟคั่วบด ที่มีรสชาติเข้มข้นหอมมันมากขึ้น ได้มีการขยายตัวจากต่างประเทศเข้ามาเปิดสาขาทำธุรกิจประเภทนี้ในไทยมากขึ้นด้วยการเปลี่ยนแปลง และรสนิยมของผู้บริโภคดังกล่าว บริษัทฯ จึงเห็นช่องทางที่จะสามารถทำธุรกิจกาแฟได้จากวิถีชีวิตของคนไทยในปัจจุบันที่นิยมการเดินทางท่องเที่ยว ด้วยการขับรถยนต์ไปเองเป็นหมู่คณะ หรือครอบครัว ในวันสุดสัปดาห์ หรือเทศกาลวันหยุดต่างๆ โดยนำเสนอแนวคิดว่า “กาแฟคั่วบด สดเสมอสำหรับผู้เดินทาง” ซึ่งมีลักษณะหาซื้อได้สะดวก เหมือนเป็นเพื่อนเดินทาง ด้วยการเปิดเป็นร้านกาแฟลักษณะ to go ในปั๊มน้ำมันตามเส้นทางต่างๆ เพื่อให้กลุ่มลูกค้า ที่ชอบดื่มกาแฟสด ได้มีโอกาสดื่มได้ แม้ขณะเดินทางไปทำธุรกิจหรือท่องเที่ยว แทนการดื่มกาแฟชงสำเร็จ หรือกระป๋อง ตามร้านมินิมาร์ทต่างๆ ในปั๊มโดยใช้ตัวอาคารเล็กกระทัดรัด เน้นรูปลักษณ์ของความเป็นกาแฟไทยคุณภาพสดจากไร่ ใช้แนวความคิดด้านสถาปัตยกรรมไทยมาพัฒนาออกแบบให้กลมกลืนกับตัวสินค้าของบริษัทคือ กาแฟไทยสดจากไร่

บริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินธุรกิจกาแฟภายใต้ชื่อ “บ้านไร่กาแฟ” ตั้งแต่ปี 2541 โดยทดลองดำเนินการ 3 สาขาใน 10 เดือน (ในปี 2541) และขยายเป็น 25 สาขา ในปี 2542 จนปัจจุบันในปี 2543 มีสาขารวม 56 สาขา โดยกระจายอยู่ในสถานีบริการน้ำมัน JET หรือ ปตท ตามเส้นทางจากกรุงเทพฯ ไปสู่จังหวัดภาคเหนือ และภาคตะวันออก ในปี 2544 บริษัทตั้งเป้าหมายจะขยายสาขาตามเส้นทางให้ถึง 100 สาขา พร้อมกับการศึกษาแนวทางการตลาดที่จะสู่ตลาดในเมืองใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจ เช่น นครสวรรค์, เชียงใหม่, กรุงเทพฯ เป็นต้น

โอกาสธุรกิจและปัจจัยความสำเร็จ
บริษัทฯ ได้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ ตลอดจนปัจจัยความสำเร็จ ด้วยภาพที่ค่อนข้างจัดเจนว่า ผู้ที่มีรสนิยมในการดื่มกาแฟสด ที่คั่วแก้วต่อแก้ว จะสามารถหาดื่มได้เฉพาะในเมืองตามห้างสรรพสินค้า เมื่อต้องเดินทางไปทำธุรกิจไกลๆ ระหว่างทางไม่สามารถจะหากาแฟชนิดนี้ดื่มได้ จะหาดื่มได้ก็มีแต่กาแฟกระป๋อง กาแฟชงสำเร็จรูปรสชาติต่างกันมากกับกาแฟคั่วสด ประกอบกับช่องทางการจัดจำหน่ายก็อยู่ ในปั๊มที่มีรูปแบบทันสมัย การจัดการดี ไม่มีรถบรรทุกและสะอาด ซึ่งเป็นจุดที่เกื้อหนุนต่อการคัดสรร กลุ่มผู้บริโภคที่ตรงเป้าหมายได้เป็นอย่างดี เมื่อพิจารณาถึงคู่แข่งขันเมื่อเทียบชนิดของผลิตภัณฑ์แล้ว คู่แข่งอย่างสตาร์บัคแบล็คแคนยอน ไม่ได้สนใจที่จะทำตลาดในแนวของบริษัท และการเป็นเจ้าตลาดของบริษัทได้ทำก่อนคู่แข่งขันและยึดพื้นที่ของปั๊มต่างๆ ตามเส้นทางไปมากแล้ว ทำให้คู่แข่ง มีความยากลำบากที่จะเข้าตลาดในแนวทางเดียวกันบริษัท

กลุ่มตลาดเป้าหมายและการคาดคะเนลูกค้าเป้าหมาย

ตลาดเป้าหมายของบริษัทฯ อยู่ที่กลุ่มผู้มีการศึกษาทำงานในออฟฟิศที่นิยมดื่มกาแฟ อัตราเงินเดือนอยู่ประมาณ 8,000 – 10,000 บาทขึ้นไป โดยการกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ในระดับ C++ ถึง A จึงใช้แผนเข้าตลาดถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงให้ได้รับความสะดวกหาซื้อได้ง่าย ตามจุดที่กลุ่มเป้าหมายต้องเข้าไปใช้บริการ เช่น ตามสถานีบริการน้ำมัน ที่มีมินิมาร์ท ที่สะอาดใหม่ และใช้กลยุทธ์ราคาเทียบเคียงกับคู่แข่งขันในผลิตภัณฑ์เดียวกัน หรืออาจจะนำหน้าคู่แข่งเล็กน้อย

ข้อได้เปรียบในการแข่งขัน

ด้วยแนวคิดที่ใหม่ และอาศัยช่องว่างทางการจัดจำหน่ายที่มีอยู่เป็นจุดแข่งขัน และสามารถยึดครองช่องทางจัดจำหน่ายที่อยู่ได้ก่อน พร้อมกับความแข่งขันของสถานีบริการน้ำมัน JET มาเสริมทำให้บริษัทได้เปรียบในการแข่งขัน และยึดครองช่องทางการจัดจำหน่ายดังกล่าวได้ ทำให้คู่แข่งยากที่จะเข้ามาแข่งขันได้

การวิเคราะห์ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค

จุดแข็ง (Strength)


1. บริษัทสามารถปรับปรุงสูตรกาแฟให้เป็นเอกลักษณ์ประจำร้านสร้างสินค้า และบริการเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
2. มี Brand Image ที่ดี ภาพลักษณ์ชัดเจน
3. มีพันธมิตรที่แข็งแรง คือปั๊ม JET โดยบริษัท คอนอโค (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้บริหาร
- ในอดีตเคยใช้ Price Strategy
- แต่ได้ทำการวิจัยปรับเปลี่ยนเป็นการเน้น Service, ความสะอาดของสถานที่เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ลูกค้าเลือกใช้บริการปั๊มน้ำมันมีมินิมาร์ทซื้อ
- Jiffy : พื้นที่กว้าง 100 – 200 ตารางเมตร
: มีสินค้าหลากหลาย
: มีระบบการจัดการที่ดี มีระบบความคุมอำนาจตัดสินใจจากสำนักงานใหญ่
: Dunkin Donut, S&P, Chester’s Grill, KFC
4. เปิดร้านกาแฟเจ้าแรกในการทำตลาดสำหรับคนเดินทาง
5. เป็นร้านกาแฟที่สะดวกซื้อ Stand Atond
6. เป็นกาแฟสดที่ผลิตแก้วต่อแก้ว
7. แสดงให้เห็นกระบวนการผลิตที่มีลีลาอันเป็นศิลปทางพื้นบ้าน

จุดอ่อน(Weakness)

1. เป็นธุรกิจที่สามารถลอกเลียนแบบได้ง่าย
2. เครื่องอุปกรณ์การผลิต และอะไหล่ต้อง Import มาจากต่างประเทศมีผลต่อการผลิตและการขาย การบำรุงรักษาต้องใช้เวลาในการประสานกับผู้แทนจำหน่ายค่อนข้างช้า
3. การผลิตแก้วต่อแก้วทำให้ช้า เสียโอกาสในการขาย ใช้เวลาประมาณ 3 นาทีต่อ 1 แก้ว
4. ช่องทางการจำหน่ายต้องพึ่งพาผู้อื่น (ปั๊ม JET) ยังไม่มีช่องทางการจำหน่ายเป็นของตนเอง

โอกาส (Opportunity)

1. พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปมีการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น จึงมีช่องทางในการจัดจำหน่ายให้กับ ผู้เดินทางที่ชอบดื่มกาแฟสดแก้วต่อแก้ว
2. มีแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพที่อยู่ในประเทศ
3. โอกาสในการขยายตัวของพันธมิตร (เพื่อนคู่ค้า) ปัจจุบัน มี 130 สาขา และจะยังขยายตัวไปเรื่อยๆ
4. ตลาดกาแฟในสถานีบริการน้ำมันมีแต่การแข่งขันโดยตรงน้อย โอกาสจะยึดช่องทางการจัดจำหน่าย เป็นรายเดียวค่อนข้างสูง

อุปสรรค (Threat)

1. การมี Strategic Partner โดยไม่มีสัญญาระยะยาวถือเป็นความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ
2. กาแฟสดเป็นเครื่องดื่มเฉพาะกลุ่ม บริโภคเฉพาะเวลาและโอกาส
3. คุณสมบัติบางอย่างของกาแฟสามารถทดแทนด้วยเครื่องดื่มชนิดอื่นได้
4. กาแฟบรรจุกระป๋อง กาแฟสำเร็จรูปมีจำหน่ายอยู่ทั่วไป
5. กาแฟมีวัฒนธรรมในการดื่ม ซึ่งต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ และพัฒนาให้เกิดการยอมรับ การขยายตัวทางการตลาดจึงไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว

จากการรวบรวมข้อมูลเพื่อวิเคราะห์หากลวิธีในการสร้างตลาดบ้านไร่กาแฟ ไปสู่ความนิยมของผู้บริโภค โดยได้จากการออกแบบสอบถามบุคคลทั่วไปที่ดื่มกาแฟ จำนวน 300 คน พอสรุปผลการสำรวจได้ดังนี้
แนวคิดในการตลาดของบ้านไร่กาแฟสอดคล้องกับหลักของส่วนผสมทางการตลาดมีหลักอยู่ 4 อย่าง คือ
แนวคิดด้านผลิตภัณฑ์ (Product) ที่มีแนวคิดว่าจะต้องมีการพิจารณาออกแบบหรือ พัฒนาขึ้นมาได้ตรงความต้องการของตลาดหรือลูกค้าสอดคล้องกับแนวคิดของบ้านไร่กาแฟ ที่ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟเพื่อเน้นความเป็นกาแฟที่มีคุณภาพ โดยต้องเป็นกาแฟอาราบิกา ที่ปลูกโดยโครงการหลวงเท่านั้น ซึ่งสามารถเทียบได้กับผลิตภัณฑ์กาแฟสดจากต่างประเทศได้ ซึ่งข้อมูลที่ได้จากหนังสือพิมพ์และจากการสัมภาษณ์ คุณสายชล เพยาว์น้อย เจ้าของผลิตภัณฑ์ต่างก็ได้กล่าวถึงบ้านไร่กาแฟในแนวความคิดนี้เหมือนกัน

แนวคิดด้านสถานที่หรือช่องทางการจัดจำหน่าย (Place) ที่ต้องมีการพิจารณาสถานที่ เวลา และบุคคลที่สินค้าและบริการจะถูกนำไปขายให้ โดยผลิตภัณฑ์ของบ้านไร่กาแฟได้ยึดหลักนี้เช่นเดียวกัน โดยได้ใช้แนวคิดนี้เป็นกลยุทธ์หลักในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ที่ได้กล่าวไว้ในข้อมูลจากหนังสือพิมพ์และจากการสัมภาษณ์คุณสายชล เพยาว์น้อย เพราะบ้านไร่กาแฟถือเป็นร้านกาแฟสดระดับคุณภาพริมทางรายแรกที่ตั้งอยู่ในปั๊มน้ำมัน และประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง ทำให้เริ่มมีร้านกาแฟรายอื่นเริ่มทำการเลียนแบบ
แนวคิดด้านการส่งเสริมการจำหน่าย (Promotion) คือ การบอกกล่าวและการขยายความคิด ความเข้าใจให้ลูกค้าได้รู้ การส่งเสริมการจำหน่ายจะเกี่ยวข้องกับวิธีการต่างๆ ที่ใช้สำหรับสื่อความ (Communicate) ให้ถึงตลาดเป้าหมาย ให้ได้ทราบถึงผลิตภัณฑ์ที่ต้องการว่าได้จำหน่ายที่ ณ ระดับราคาใด ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของบ้านไร่กาแฟที่นำกระบวนการส่งเสริมการขาย หรือ Promotion มาใช้เช่นการนำรถบ้านไร่กาแฟออกไปตามสถานที่หรือตามเทศกาลต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ และส่งเสริมการจำหน่ายมากขึ้น เป็นต้น
แนวคิดด้านราคา (Price) ที่ต้องมีการกำหนดให้ถูกต้องเหมาะสม โดยราคาจะเกี่ยวข้องกับการกำหนดราคาให้เหมาะสมที่สุดที่จะใช้ผลักดันผลิตภัณฑ์ที่ดีอยู่แล้วให้ออกไปสู่ที่ที่มีความต้องการ โดยวิธีการส่งเสริมการจำหน่ายที่ดี เหมาะกับตลาดเป้าหมาย สอดคล้องกับแนวคิดของบ้านไร่กาแฟ ที่ได้กำหนดราคาเพื่อให้สอดคล้องกับคุณภาพของสินค้า อีกทั้งต้องการยกระดับสินค้ากาแฟสดให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่มีระดับตั้งแต่ C+ ขึ้นไปด้วย

แนวคิดด้านการส่งเสริมการตลาด (Marketing Mix) บ้านไร่กาแฟนำแนวคิดนี้มาใช้ 3 ข้อคือ
การขายโดยพนักงานขาย (Personal Selling) เพราะพนักงานของบ้านไร่กาแฟถือเป็นตัวจักรสำคัญอีกตัวหนึ่งที่ชักจูงลูกค้าให้มาซื้อผลิตภัณฑ์ได้ ยกตัวอย่างเช่น การกล่าวทักทายลูกค้าด้วยคำว่า “บ้านไร่กาแฟสวัสดีจ๊ะ” หรือลีลาการชงกาแฟที่น่าดึงดูดใจของพนักงาน ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์มากขึ้นได้ เป็นต้น

การส่งเสริมการขาย (Sales Promotion) ที่หมายถึง กิจกรรมทางการตลาด ซึ่งจัดหาคุณค่าหรือสิ่งจูงใจพิเศษเพื่อซื้อหาสินค้า และสามารถกระตุ้นให้เกิดการขายในทันทีเช่น การร่วมทำ Sales Promotion กับปั๊มน้ำมันเจ็ทโดยการแจกคูปองส่วนลดค่ากาแฟของร้านบ้านไร่กาแฟ เมื่อเติมน้ำมันครบ 300 บาท หรือการให้คูปองส่วนลดค่ากาแฟของร้านบ้านไร่กาแฟแก่ http://www.bkk.com/ เพื่อเป็นรางวัลให้กับผู้ชนะเลิศในการตอบคำถาม เป็นต้น

การให้ข่าว และการประชาสัมพันธ์ (Publicity & Public Relation) ซึ่งเป็นการให้ข่าวสารแก่ผู้บริโภคซึ่งสอดคล้องการกระทำของคุณสายชล เพยาว์น้อย ที่ให้ตัวเองเป็นสื่อจากบ้านไร่กาแฟสู่บุคคลทั่วไป โดยการให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆ ในเรื่องราวของบ้านไร่กาแฟ ซึ่งวิธีการนี้ก็ได้รับความสนใจจากบุคคลทั่วไป ค่อนข้างสูงเพราะคุณสายชล เพยาว์น้อย เป็นผู้ที่มีแนวคิดที่โดดเด่น โดยการนำศิลปะมาประยุกต์กับผลิตภัณฑ์ได้อย่างลงตัว

แนวคิดด้านการติดต่อสื่อสารด้านการตลาด ที่มีแนวคิดโดยกว้างที่รวมการสื่อสารทุกรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับการตลาด ซึ่งบ้านไร่กาแฟได้มีการใช้การติดต่อสื่อสารทางการตลาดหลายด้านด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น ตราสินค้า (Price) บ้านไร่กาแฟมีการสื่อสารด้วยตราสินค้าที่โดดเด่น โดยอาศัยชื่อที่มีเอกลักษณ์ แสดงความเป็นไทย แตกต่างจากร้านอื่นๆ ที่นิยมตั้งชื่อภาษาสากล รวมถึงการสร้างความจดจำด้วยการสะกดชื่อร้านที่ผิดไวยกรณ์ เป็นต้น หรือการบรรจุหีบห่อ (Packaging) เอกลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์ของบ้านไร่กาแฟ ทั้งถ้วยดินเผา และแก้วพลาสติก สร้างความแตกต่างกับตราสินค้าอื่นๆ เพื่อให้ผู้บริโภครู้จักสินค้าได้เร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งภาพพจน์ของสินค้าถึงความมีคุณภาพและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ หรือแม้กระทั่งรูปแบบของร้านที่โดดเด่นที่ผสมรูปแบบอาคารแบบตะวันออกและตะวันตก เป็นต้น

แนวคิดเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ (Vision) และพันธกิจ (Mission) วิสัยทัศน์ คือความสามารถในการคาดคะเนเหตุการณ์ เตรียมการหรือวางแผนอนาคต ซึ่งกล่าวได้ว่าคุณสายชล เป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ เป็นอย่างยิ่ง เพราะความคิดของสายชล สอดคล้องตามหลักขององค์ประกอบของวิสัยทัศน์ทั้ง 3 ข้อดังนี้

1. ความมีทัศนคติเชิงสร้างสรรค์ คุณสายชล มีความคิดสร้างสรรค์ที่ต้องการมีร้านกาแฟที่มีคุณภาพ และมีเอกลักษณ์ของรูปแบบอาคารรวมถึงการให้บริการของพนักงาน ซึ่งทำให้ร้านบ้านไร่กาแฟมีความแตกต่างที่โดดเด่นกว่าร้านกาแฟสดอื่นๆ
2. ความมีเป้าหมายที่ชัดเจน และสามารถที่จะไปถึงเป้าหมายนั้นได้ คุณสายชลเองก็มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างฝันของตัวเอง โดยมีการเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ และศึกษาถึงการทำธุรกิจ จนเกิดเป็นบ้านไร่กาแฟในที่สุด
3. ความเฉลียวฉลาด หลักแหลม สิ่งหนึ่งที่แสดงถึงความสามารถของคุณสายชล คือการดัดแปลงร้านกาแฟสดริมทาง เป็นร้านกาแฟสดระดับอินเตอร์ได้ อีกทั้งได้มีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์และคุณภาพสินค้าจนเป็นที่ยอมรับได้โดยทั้งหมดที่กล่าวมา สามารถกล่าวได้ว่าคุณสายชลเป็นบุคคลหนึ่งที่มีวิสัยทัศน์ทางด้านการตลาดเป็นอย่างยิ่งเพราะมีการแสดงออกถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นเอกลักษณ์ได้เป็นอย่างดี
ส่วนพันธกิจ เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงจุดประสงค์ขั้นพื้นฐานขององค์กร และสิ่งที่องค์กรใช้ในการ
กำหนดแนวทางในการปฏิบัติ ซึ่งคุณสายชล ก็ได้ทำการกำหนดพันธกิจขององค์กรอย่างชัดเจน เช่นกำหนดแนวทางในการดำเนินธุรกิจร้านกาแฟสดระดับอินเตอร์ เป็นร้านกาแฟที่มีสไตล์ และมีคุณภาพที่โดดเด่น โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นบุคคลระดับกลางขึ้นไป เป็นต้น ซึ่งการที่ทางร้านบ้านไร่กาแฟได้กำหนดพันธกิจไว้เช่น ทางร้านก็ได้มีการอบรมพนักงานทุกคนให้รับรู้ถึงพันธกิจของร้านและถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไปได้
5. แนวคิดเรื่องการสร้างตราสินค้า (Branding)

บ้านไร่กาแฟมีตราสินค้าที่โดดเด่น ที่สร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี โดยมีการออกแบบที่สามารถสื่อสารกับผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้บ้านไร่กาแฟยังมีเอกลักษณ์ของตราสินค้า (Brand Identity) เพราะประกอบด้วยโครงสร้างเด่น ๆ 2 อย่างคือ

1. Brand Positioning หรือการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ที่ดีนั่นเอง เพราะบ้านไร่กาแฟได้วางตำแหน่งให้กับผลิตภัณฑ์ให้เป็น ร้านกาแฟสดของไทยที่มีรสชาติมีคุณภาพ มีความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกัน ทั้งคุณภาพ บรรจุภัณฑ์ อาคาร จัดจำหน่าย การบริการ ที่เน้นถึงความเป็นไทยอย่างชัดเจน แต่มีสไตล์ที่ดูดีมีเอกลักษณ์จึงนับได้ว่า บ้านไร่กาแฟมีความฉลาดในการวางผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น อย่างเป็นเอกลักษณ์ได้อย่างลงตัว

2. Brand Personality หรือการกำหนดบุคลิกให้กับตราสินค้า บ้านไร่กาแฟเองก็ได้มีการกำหนดบุคลิกให้กับสินค้าได้อย่างชัดเจน โดยเป็นคนที่ทันสมัย รักธรรมชาติชอบสินค้ามีคุณภาพ เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของการกำหนดบุคลิกภาพเพราะหากสินค้าใดที่มีบุคลิกภาพที่ชัดเจน ย่อมสร้างให้เกิดความแตกต่างในใจของผู้บริโภคได้มากเท่านั้น

4. แผนการตลาด

กลยุทธ์ สินค้า ผลิตภัณฑ์ และบริการ

กลยุทธ์มีลักษณะ โดยรวมเป็นการสร้าง บุคลิกของสินค้า (Brand Personality) ที่มีลักษณะเฉพาะตัวและไม่เหมือนใครโดยมีรายละเอียด ได้แก่ รูปแบบ สถาปัตยกรรม

“บ้านไร่กาแฟ” เป็นร้านกาแฟไทยประยุกต์ โดยการผสมผสานที่ลงระหว่างสถาปัตยกรรมแห่งครัวเรือนไทย และความทันสมัยของร้านกาแฟสะดวกซื้อ ทำให้เกิดสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสะท้อนความเป็นไทยและโลกตะวันออก (การใช้จั่วไม้ที่ไขว้กัน) โดยมีอาคารที่ได้จดลิขสิทธิ์ไว้แล้วสองอาคาร คือ อาคารออกแบบไร่นา และ อาคารบ้านไร่เพรียวลม ลักษณะอาคารเป็นอาคารทรงสามเหลี่ยมสูง ลักษณะจั่วไม้มีไขว้กันคาดทับด้วยชื่อ มีประตูบานกรอบไม้มองแต่ไกลคล้ายจั่วบ้านซึ่งสะท้อนให้เห็นเอกลักษณ์ความเป็นสถาปัตยกรรมตะวันออก (ไทยโมเดิร์น) กลยุทธ์ รูปแบบร้าน ขึ้นอยู่กับพื้นที่ใช้สอยและงบการลงทุนสามารถ แบ่งได้เป็น 2 ประเภท
1. รูปแบบ อาคารสามเหลี่ยม
2. ร้านแบบเคาน์เตอร์

การตกแต่งภายในและภายนอก

ผนักกรุด้วยไม้เนื้ออ่อนสีขาวอมเหลืองประดับด้วยรูปภาพที่สื่อถึงความผูกพันธ์ระหว่างครอบครัว พี่น้องญาติมิตร นิทาน และเรื่องเล่าต่างๆ การใช้แสดงไฟเหลืองออกสีส้ม ให้ความรู้สึกอบอุ่นของบ้านสื่อบรรยากาศของบ้านในรูปแบบสังคมไทยพร้อมที่จะต้อนรับลูกค้า แขกผู้มาเยือนภายนอกได้ใช้ความคิดออกแบบให้มีน้ำไหลเป็นทางผ่านกระจกใสมองได้จากภายใน ภายนอกมีเฉลียงไม้พร้อมม้านั่งยาว ใต้ร่มประดู่กิ่งอ่อน (ประดู่อัสนา) 10 – 40 ต้น ในบรรยากาศร่มรื่น และพลับพลึงตีนเป็ดดอกสีขาวที่ปลูกอยู่รอบตัวอาคาร ตอบสนองแก่สุนทรียภาพ ของคอกาแฟ
สินค้า ชื่อสินค้า และการนำเสนอสินค้า

สินค้าหลัก ผลิตภัณฑ์ กาแฟหลักมี 6 ระดับ ชนิด แบ่งตามความเข้มข้นมากไปน้อยแตกต่างตามระยะเวลาการคั่ว ได้แก่ เอเชียเบลนด์ (0), ไทยเบลนด์ (1), บ้านไร่เบลนด์ (3), คอฟฟี่เบลนด์ (5), สยามเบลนด์ (7), บางกอกเบลนด์ (9)

มีป้ายร้าน ระบุชื่อสินค้า พร้อมแจ้งคุณลักษณะของกาแฟ ในด้าน รส กลิ่น สี เพื่อให้ความรู้ และส่งเสริมเอกลักษณ์ไทย ในชื่อผลิตภัณฑ์ มีการให้ข้อมูล แก่ผู้บริโภค โดยแบ่งลักษณะการคั่วกาแฟ เพื่อจัดระดับความเข้มของ คาเฟอีน เช่น การจัดระดับการคั่ว จาก 0 – 9 (คั่วนาน – คั่วน้อย) หากคั่วนาน จะจัดระดับ 0 กาแฟจะดำสนิท มีรสหอมถึงหอมไหม้ แต่มีคาเฟอีนต่ำหากคั่วน้อยระดับ 9 จะมีสีน้ำตาล แต่มีคาเฟอีนมาก เหมาะสมตามความต้องการของผู้บริโภค นอกจากสินค้าที่มีการชงสดแล้ว สินค้าที่เตรียมล่วงหน้าเพื่อความรวดเร็วในการขายได้แก่ กาแฟไร่นา และ ชาเพรียวลม

สำหรับขนม เป็นสินค้าเสริม ซึ่งเป็นสินค้าฝากขายโดยใช้กลยุทธ์การเลือกตัวแทนที่มีความอร่อยและสด ในท้องที่แต่ละแห่ง การควบคุมความสดโดยการเปลี่ยนสินค้าบนที่วางขนม ทุกๆ 15 วัน
การนำเสนอสินค้า

ภายใต้ร้านจะมีชื่อ “บ้าน” และมีเจ้าพนักงานที่มีชุดประจำสีส้มขลิบด้วยสีดำที่ปกและรังดุม มีป้ายตรารูปควันกาแฟอยู่ที่กระเป๋า ดูสะอาดตา ทำหน้าที่คล้าย “เจ้าของบ้าน” ที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีในด้านมนุษย์สัมพันธ์ต้อนรับลูกค้าด้วยคำทักทายและยิ้ม ว่า “สวัสดี จ๊ะ” กาแฟเมล็ดคั่วสำเร็จจะตั้งในขวดโหลให้เห็นชัด ในแต่ละประเภทหลังการสั่งเครื่องดื่ม พนักงานจะชงกาแฟสด โดยการนำเมล็ดคั่วมา บดในเครื่องบด จากนั้นนำเข้าเครื่องชง ขั้นตอนดังกล่าวเน้นการ “โชว์ ลีลา” และ “ชงสดแก้วต่อแก้ว” เป็นการนำเสนอสินค้า

กลยุทธ์บรรจุภัณฑ์

บรรจุภัณฑ์แบ่งเป็น 2 ประเภทตามเครื่องดื่ม คือ

1. ภาชนะดินเผารูปแก้วสำหรับกาแฟร้อน
เป็นกลยุทธ์ที่มีรูปแบบลงตัว ได้แก่
1.1 การจัดหาได้ง่าย และต้นทุนราคาภาชนะดินเผาที่ทำในประเทศจากจังหวัดสระบุรี
1.2 สร้างเอกลักษณ์การชงโดยการอุ่นภาชนะดินเผาขณะการชงกาแฟไปพร้อมกัน
1.3 ภาชนะดินเผาให้พร้อมรวมไปกับกาแฟเพื่อ สะดวกสำหรับผู้เดินทางนำไปเลย ซึ่งมีการออกแบบรูปแบบถ้วยดินเผาหลายรูปแบบเพื่อให้ เป็นที่ระลึก การสะสม และยังเป็นประโยชน์ใช้เป็นกระถางปลูกต้นไม้ได้อีกด้วย
1.4 ส่งเสริมภาพลักษณ์ของร้านแบบไทย ไทย

2. ภาชนะพลาสติก (pp) สำหรับกาแฟเย็น
ภาชนะสูงพร้อมฝาปิดขนาด 22 ออนซ์ มีการจัดพิมพ์สาระน่ารู้ นิทานคำกลอนเรื่องราวสะท้อนความเป็นไทยลงบนแก้ว เพื่อการสะสมเป็นที่ระลึก มีการเปลี่ยนแบบทุก 15 วัน
กลยุทธ์การจัดจำหน่าย

ช่องทางการจัดจำหน่าย ที่สำคัญในปัจจุบัน ได้แก่

ร้านจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมัน ปัจจุบันเป็นช่องทางจัดจำหน่ายหลัก โดยตั้งอยู่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. และ JET สถานีบริการน้ำมัน JET มีมินิมาร์ท (Jiffy) นับว่าเป็น พันธมิตรธุรกิจที่สำคัญเนื่องจากเป็นสถานีน้ำมันที่มีระบบบริหารและลงทุนจากส่วนกลาง จากบริษัท Conoco ที่มีระบบการจัดการ ที่มีระบบทันสมัย และที่มีนโยบายขยายธุรกิจมี เงินทุนที่ดี และเน้นความสะอาดเป็นสำคัญ ร้านกาแฟบ้านไร่ มีแนวความคิดสอดคล้องกับ ในการขยายฐานลูกค้าประเภทอาหาร ร้านกาแฟบ้านไร่ยังได้รับ การสนับสนุนด้านข้อมูลการขายเพื่อเป็นฐานข้อมูลในการตัดสินใจขยายสาขาใน 2 ลักษณะ ได้แก่
1. JET จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายการสร้าง เคาน์เตอร์สำหรับจำหน่ายในมินิมาร์ท (Jiffy)
2. ทางบ้าไร่จะเป็นผู้สร้างร้านค้าลักษณะ stand-alone เพื่อจำหน่ายสินค้าโดยเฉพาะโดยมีรูปแบบตามที่จดลิขสิทธิ์ได้เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่
กลยุทธ์การตั้งราคา
การตั้งใช้ราคามาตรฐาน และไม่หลากหลาย กาแฟเย็น จำหน่ายถ้วยละ 60 บาท กาแฟร้อนจำหน่ายถ้วยละ 50 บาท ขนมใช้ราคาประมาณ 15 – 30 บาท
กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์
เนื่องจากร้านกาแฟบ้านไร่ได้รับรางวัลที่ 2 ในสาขา SMEs จากการประกวดแผนการตลาดคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี 2543 ที่ผ่านมาการประชาสัมพันธ์ใน สื่อต่าง ๆ ในลักษณะข่าวจึงทำได้ง่าย โดยผ่านสื่อ สิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ และวิทยุ การเน้นบุคคลเป็นสัญลักษณ์เจ้าของร้าน ได้แก่ คุณสายชล เป็นการสร้างภาพตัวแทน ร้านกาแฟบ้านไร่ โดยผ่านทางสื่อในลักษณะข่าวและข้อมูล
กลยุทธ์ส่งเสริมการขาย
มีการจัดการส่งเสริมการขายร่วมกับสถานีบริการน้ำมัน (Joint Promotion) ได้แก่
1. การแจกคูปองลดราคาเครื่องดื่มทุกชนิด 20% เมื่อเติมน้ำมันครบ 300 บาท
2. แจกคูปองแก่ลูกค้าร้าน Jiffy เพื่อแลกซื้อแก้วและสินค้าที่ระลึกของร้านในราคาพิเศษ
กลยุทธ์การโฆษณา
เป็นการร่วมมือกับปั๊มน้ำมัน JET ในลักษณะการตั้งป้ายนีออนกล่องไปหน้าสถานีบริการน้ำมันร่วมกับร้านอาหารในร้าน Jiffy เพื่อให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะเห็นขัดเจน
แผนกฉุกเฉินด้านการตลาด

ตามที่ได้วิเคราะห์จุดอ่อนของธุรกิจในบทสรุปสำหรับผู้บริหาร ถึงปัญหาในช่องทางการจัดจำหน่ายที่ต้องพึ่งพาปั๊ม JET เป็นหลัก อีกทั้งมีระยะเวลาของสัญญาเป็นสัญญาระยะสั้น จึงถือเป็นจุดวิกฤตของธุรกิจที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ หากคู่สัญญามีปัญหาและยกเลิก หรือไม่ต่อสัญญา จึงจำเป็นจะต้องมีแผนการ จัดจำหน่ายใหม่ ซึ่งถือเป็นแผนกฉุกเฉินของธุรกิจ เพื่อลดหรือป้องกันปัญหาดังกล่าว อีกทั้งจะเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ ที่เพิ่มรายได้ให้กับบริษัทได้อีกทางหนึ่ง

ด้วยการแก้ไขปัญหาของช่องทางการจัดจำหน่าย ถือเป็นการแก้ไขปัญหา อันเป็นองค์ประกอบหลักของการตลาดแผนกฉุกเฉินจึงน่าจะเป็นลักษณะของแผนที่ต้องมีการวางแผนเป็นระยะยาว จึงจะเป็นการเพิ่มช่องทางในการจัดจำหน่ายในอนาคต และสามารถเสริมสร้างความแข็งแรงของธุรกิจได้ คือ
1. หากปัญหาช่องทางการจัดจำหน่าย ที่พึ่งพาปั๊ม JET ไม่เกิด แผนฉุกเฉินนี้ก็จะสามารถเพิ่มยอดขายของธุรกิจ และเป็นการขยายตลาดได้อีกทางหนึ่ง
2. หาช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ โดยลักษณะเป็นซุ้มกาแฟ ในลักษณะ Stand Alone แทนบนถนนธุรกิจ ในเมืองใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่, เชียงราย, ขอนแก่น, หาดใหญ่, ภูเก็ต, กรุงเทพฯ เป็นต้น
ข้อดีข้อเสียของแผนฉุกเฉิดในการจัดหาช่องทางจำหน่ายใหม่
ด้วยจุดแข็งของลักษณะเป็น กาแฟเดินทาง เพื่อทดแทนร้านกาแฟที่เป็นลักษณะ STAND ALONE ตามห้างสรรพสินค้า เช่น BLACK CANYON, COFFEE WORLD, STARBUCK ซึ่งแต่ละร้านห่างไกลพอสมควร ผู้ที่ทำงานจะหาซื้อ หรือต้องการดื่มต้องเฉพาะเวลาพักเที่ยง หรือเลิกงานเท่านั้น การหาซื้อไม่สะดวก สำหรับผู้ทำงาน OFFICE ที่เป็นคอกาแฟสด มักจะประสบปัญหาดังกล่าวคือ
1. หากจะซื้อดื่มขณะทำงานค่อนข้างลำบาก เพราะไม่สะดวกในการจะเดินทางไปซื้อ
2. หากจะดื่มก็สามารถจะดื่มได้เฉพาะช่วงพักเที่ยง ซึ่งก็จะต้องรีบกลับเข้าทำงานต่อในช่วงบ่าย หรืออาจจะดื่มในช่วงเย็นหลังเลิกงาน ก็ต้องรีบกลับบ้าน ดังนั้นเวลาในการที่จะนั่งดื่มกาแฟจึงมีน้อย
จากปัญหาดังกล่าว จึงน่าจะเป็นโอกาสให้ บ้านไร่กาแฟ มองเห็นช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อบริการกลุ่มผู้บริโภคดังกล่าว โดยใช้ลักษณะของการตั้งเป็นซุ้ม บ้านไร่กาแฟ ขึ้นตามจุดต่างๆ บนถนนธุรกิจ เช่น ถนนสีลม ถนนสุขุมวิท หรือตั้งอยู่ตามอาคารสำนักงานใหญ่ ๆ ที่มีบริษัทต่าง ๆ ตั้งอยู่
โดยประชาสัมพันธ์ มุ่งเน้นให้ผู้บริโภคที่รู้จัก บ้านไร่กาแฟ ทราบว่าขณะนี้ บ้านไร่กาแฟ ได้เข้ามาบริการถึงสถานที่ทำงานของท่านแล้ว ตลอดจนการนำเสนอให้เห็นเป็นกาแฟแท้แบบไทย ๆ โดยวัตถุดิบผลิตในประเทศไทย และเป็นผลิตผลจากโครงการหลวง ที่ใคร ๆ ก็รู้จัก เป็นการปลุกกระแสให้นิยมไทย เพื่อต่อสู้กับกระแสของ BRAND ต่างชาติ

จุดเด่นของการใช้ ซุ้มกาแฟ

1. เป็นการลงทุนที่ไม่สูงเท่าการเปิดเป็นร้าน STAND ALONE
2. สามารถดำเนินการได้ครั้งละหลายๆ จุด พร้อมๆ กัน
3. สามารถเลือกทำเลที่มีผู้สัญจรไปมามาก โดยไม่มีข้อจำกัดทางพื้นที่
4. ค่าเช่าต่างๆ ก็ถูกกว่า การเช่าพื้นที่ในห้างสรรพสินค้า
5. มีความคล่องตัวสูง การโยกย้ายเปลี่ยนแปลงทำเลก็สะดวก ประหยัด

ข้อจำกัดของ ซุ้มกาแฟ

1. อาจจะมีปัญหาถ้าจะตั้งบนถนนที่เป็นจุดเป้าหมาย เนื่องจากต้องพิจารณาถึงข้อจำกัดของกรุงเทพมหานครว่าสามารถอนุญาตให้ตั้งซุ้มตามทางเดินเท้าได้หรือไม่
2. การเก็บรักษาร้านที่เป็นซุ้ม ค่อนข้างมีความเสี่ยงในยามวิกาล เพราะไม่ได้ตั้งอยู่ในอาคารที่มียามรักษาความปลอดภัยตลอดเวลา แต่สำหรับซุ้มที่อยู่ในอาคารที่มีการรักษาความปลอดภัย จะไม่ได้รับประโยชน์ในการทำประชาสัมพันธ์ เพราะผู้สัญจรไปมา อาจจะไม่ทราบว่ามีอยู่ในอาคารใดบ้าง
อย่างไรก็ตามแนวคิดดังกล่าว จำเป็นจะต้องศึกษาและกำหนดถนนสายตัวอย่าง ซึ่งขอนำเสนอ
ถนนสีลม เนื่องจากเป็นถนนธุรกิจสายสำคัญ ถือเป็นถนนเศรษฐกิจ ที่มีกลุ่มคนชั้นกลาง คนทำงาน เป็นกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ตลอดเส้นทางของถนนสีลมในระยะทาง 2 กิโลเมตร (โดยประมาณ) มีอาคารสำนักงานมากมายเป็นที่ตั้งของธนาคาร, บริษัท ห้างร้านต่างๆ โดยเฉพาะเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของธนาคารกรุงเทพฯ อาคารซี พี ทาวเวอร์ และห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง ซึ่งรวมบุคลากรต่างชาติ ที่นิยมดื่มกาแฟเป็นประจำด้วย ดังนั้นถนนสีลมจึงเป็นถนนสายที่น่าจะทดลองดำเนินการมากที่สุด

คู่แข่งทางการค้าบนถนนสีลม ตามที่ได้สำรวจมามีอยู่หลายแห่งเช่น

1. กลุ่มร้านอาหาร DELIFRANCE ซึ่งเป็นลักษณะ CAFÉ เล็กๆ หรือ ซุ้มผลิตภัณฑ์ NESTLE ซึ่งมีเครื่องดื่มประเภทกาแฟสำเร็จรูปจำหน่าย หรือแม้กระทั่งร้าน SEVEN – ELEVEN ก็มีผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปจำหน่ายซึ่งร้านค้าประเภทนี้ จะเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้กับผู้บริโภค แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นร้านที่จำหน่ายกาแฟสำเร็จรูป จึงไม่ใช่คู่แข่งที่สำค้ญของ บ้านไร่กาแฟ

2. กลุ่มที่ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงคือ STARBUCK, COFFEE WORLD ซึ่งมีเพียง 2 แห่ง ซึ่งร้าน STARBUCK ตั้งอยู่ในซอยคอนแวนต์ ส่วนร้าน COFFEE WORLD ตั้งอยู่ช่วงหัวถนนสีลม และอีกช่วงคือประมาณ 250 เมตร จึงจะเป็นอีกร้านหนึ่ง
จะเห็นว่ายังมีช่องว่างและโอกาสที่ บ้านไร่กาแฟ จะสอดแทรกเข้าไปได้อีกมาก บนถนนที่มีความยาว 2,000 เมตร บนสองฝั่งของทางเท้า เราสามารถจัดตั้งซุ้มกาแฟได้ไม่น้อยกว่า 10 ซุ้ม ซึ่งถ้าเปิดพร้อมๆ กัน จะสามารถเรียกความสนใจได้มากในการเปิดตัว บ้านไร่กาแฟ เข้ามาอยู่ตลาดในเมือง ซึ่งน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

แผนการผลิตและดำเนินการ

1. ในปี 2544 นับจากเดือน เมษายน – ธันวาคม 2544 อัตราการขยายตัวของสาขาจะเป็นลักษณะเป็นเคาน์เตอร์ในร้านปั๊ม JET 1 สาขาและลักษณะ Stand Alone 4 สาขาต่อเดือน โดยสาขาเป็น Stand Alone ค่าก่อสร้างสาขาละ 350,000
2. ดำเนินการจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องชงกาแฟครบชุดจำนวน 5 ชุดในทุกๆ เดือนโดยเฉลี่ยชุดละ 40,000 บาท
3. จัดเตรียมอบรมบุคลากรประมาณ 10 คนทุก ๆ เดือนเพื่อส่งไปประจำสาขาที่จะเปิดใหม่ และใช้ทดแทนในกรณีเกิดปัญหาการเปลี่ยนงานของพนักงานโดยมีทีมฝึกอบรมของบริษัทเอง
4. พนักงานใหม่ บริษัทฯจ้างในอัตราคนละ 250 ต่อคนต่อวัน
5. บริษัทต้องผลิตกาแฟขวด ซึ่งใช้ลดการเสียโอกาสอันเกิดจากการที่ลูกค้าต้องรอคอยโดยตั้งเป้าหมายให้สามารถขายได้ เดือนละ 150 ขวดต่อสาขา
6. บริษัทต้องสั่งซื้อวัตถุดิบทางตรง และทางอ้อม โดยรับเครดิต ดังนี้
เมล็ดกาแฟ ชำระเงินเมื่อได้รับสินค้า
ชาโกโก้น้ำหวาน เครดิต 30 วัน
เครื่องปรุง เครดิต 30 วัน
ภาชนะบรรจุภัณฑ์ เครดิต 30 วัน
7. ค่าเช่าพื้นที่ขาย และส่วนแบ่งประมาณ 3% ของยอดขาย
8. อัตราเงินเดือนของพนักงานบริหารเพิ่มขึ้น 10% ต่อปี
9. การเพิ่มสาขา 1 สาขา จะต้องขายได้วันละ 65 แก้ว หรือ 1,950 แก้ว ต่อเดือน และจุดคุ้มทุนของการขยายสาขาใช้เวลา 6 เดือนจะถึงจุดคุ้มทุนหรือ 11,700 แก้ว
10. วัตถุดิบกาแฟ 250 กรัม ชงได้ 13 แก้ว หรือหนึ่งกิโลกรัม ชงได้ 52 แก้ว เฉลี่ยแก้วละ 55 บาท จะขายได้ประมาณ 2,860 บาท ต่อกิโลกรัมส่วนผสมอื่นๆ 8% ของยอดขาย วัสดุสิ้นเปลือง 8.5% ของยอดขาย วัตถุดิบประมาณ 4.18 ของยอดขาย
11. ค่าโทรศัพท์ประมาณ 3,000 บาท ต่อสาขาต่อเดือน มีค่าบริการเพจเจอร์ 450 บาท ค่าอุปกรณ์เพจเจอร์เครื่องละ 3,500 ต่อเครื่องต่อสาขา
12. พนักงานประจำสาขาประมาณ 2 คน ต่อสาขา
13. ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมพนักงาน 1,500 บาท ต่อคนต่อ 7 วัน (โดยถือว่าพนักงานที่มาฝึกอบรมจะได้ค่าแรงวันละ 200 บาท โดยที่ไม่ได้ไปเป็นพนักงานขายจึงถือเป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม (7x 200 + อื่นๆ 100 = 1,500)
14. ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยสาขาละประมาณ 1,500 บาทต่อเดือนต่อสาขา
15. ยอดขายจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยเดือนละประมาณ 5% ทุกเดือน
16. กิจการมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา 3% ของยอดขาย
17. ค่าใช้จ่ายในการวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 20,000 บาท/เดือน
18. ค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย 1% ของยอดขาย
19. บริษัทสำรองวัตถุดิบคงเหลือดังนี้
เมล็ดกาแฟ 50% ของยอดใช้วัตถุดิบแต่ละเดือน
ส่วนผสมอื่นๆ 25% ของยอดใช้วัตถุดิบแต่ละเดือน
ภาชนะบรรจุภัณฑ์ 30% ของยอดใช้ภาชนะบรรจุภัณฑ์แต่ละเดือน
20. วัตถุดิบกาแฟราคาต่อกิโลกรัมจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3% ในแต่ละปี

การบริหารงาน

1. มีหลักการบริหารแบบพี่น้องและมีการให้กำลังใจแก่พนักงานทุกคนด้วยค่าคอมมิชชั่นที่พอเพียง
2. ให้นโยบายสำหรับผู้จัดการเขต 3 อย่างคือ
1. จัดการและบริหารร้าน
2. ให้ความอบอุ่น และดูแลเอาใจใส่พนักงาน
3. สร้างให้พนักงานเกิดความรักตัวเองก่อนรักองค์กร เพื่อส่งผลให้ตัวพนักงานเกิดความรักในตัวองค์กรอยางแท้จริงต่อไป

ปัญหาและอุปสรรค

1. ด้านบุคลากร
เนื่องจากนโยบายหลักของร้าน คือ การสร้างทรัพยากรด้านบุคลากรขึ้นมาเอง โดยมิได้ตั้งเงื่อนไขทางด้านวุฒิการศึกษา อายุ เพศ สำหรับทุกตำแหน่งในร้าน ดังนั้นพนักงานจึงไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ โดยทางบริษัทก็ได้มีการรับรองการพัฒนาฝีมือบุคลากรด้วยการจัดโปรแกรมฝึกอบรมเสริมทักษะความรู้ด้านการทำงานโดยเฉพาะ

2. ปัญหาด้านระบบการจัดการ
เนื่องด้วยเป็นการเริ่มทำธุรกิจเป็นครั้งแรก เรื่องระบบการจัดการต่างๆ ภายในจึงยังไม่ค่อยลงตัว เช่น ระบบการบัญชี ที่ไม่ทราบว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง เช่น ภาษีต่างๆ หรืองานด้านสวัสดิการของพนักงานด้านประกันสังคม

3. ปัญหาของระบบแฟรนด์ไชส์

1. ความไม่เข้าใจในระบบแฟรนไชส์ของผู้มาซื้อ เพราะเขาต้องการแตก Line ร้านกาแฟไปสู่เบียร์การ์เดนท์
2. ผู้บริการของแฟรนไชส์ไม่ต้องการทำตามกฎทุกข้อของบ้านไร่กาแฟ อาทิ เครื่องแต่งกายของพนักงาน การจัดรูปแบบร้าน เป็นต้น

แผนการตลาดของบ้านไร่กาแฟ

โฆษณา

ยังไม่เคยทำโฆษณาของตัวเองออกมา เพียงแต่ทำป้ายโฆษณาชื่อร้านที่ปั๊มน้ำมันเจ็ทที่มีร้านบ้านไร่อยู่ในปั๊มเท่านั้นแต่ในอนาคตคาดว่าจะทำขึ้นมาเพื่อสร้าง Brand Awareness ให้มากขึ้น

ประชาสัมพันธ์

ได้ทำการประชาสัมพันธ์ร้านบ้านไร่กาแฟผ่านทางอินเตอร์เน็ตของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ http://www.bkk.com/ เพียงช่องทางเดียว แต่คาดว่าจะพัฒนาสู่ช่องทางอื่นต่อไปในอนาคต
สำหรับการให้สัมภาษณ์ของ คุณสายชล เพยาว์น้อย ทางสื่อต่างๆ นั้นก็ได้ทำอย่างต่อเนื่องโดยการให้สัมภาษณ์มาแล้วหลายสื่อ ทั้งหนังสือพิมพ์ นิตยสาร รายการโทรทัศน์ และวิทยุ ซึ่งวิธีการนี้ก็ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ร้านอีกทางหนึ่งเช่นกัน

การจัดการส่งเสริมการขาย

ยังไม่เคยจัดเป็นรูปแบบกิจกรรมการส่งเสริมการขายของบ้านไร่เอง แต่ได้เคยจัดการส่งเสริมการขายร่วมกับปั๊มน้ำมัน JET โดยการมอบคูปองส่วนลดให้กับผู้ที่เติมน้ำมันที่ปั๊ม JET รวมทั้งยังได้มอบบัตรลดราคากาแฟในร้านบ้านไร่กาแฟเพื่อเป็นรางวัลให้กับผู้ที่ตอบคำถามใน http://www.bkk.com/ ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

การจัดกิจกรรมนอกสถานที่

มีแนวคิดที่จะแนะนำผลิตภัณฑ์ให้คนทั่วไปรู้จักร้านบ้านไร่กาแฟมากขึ้น จึงได้จัดทำรถบ้านไร่กาแฟเคลื่อนที่เพื่อนำกาแฟของบ้านไร่กาแฟขายตามงานเทศกาลต่างๆ เช่น งานเทศกาลของชมทุ่งดอกทานตะวันที่ จังหวัดลพบุรี, งานแสดงสีเสียง ที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว เป็นต้น

แผนการดำเนินงานต่อไปในอนาคต

มีโครงการจัดตั้งส่วนกาแฟขนาดใหญ่ เพื่อสร้างเป็นที่ชุมนุมของคนนิยมดื่มกาแฟขึ้น และสร้างเป็นสวนสนทนาในการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งได้เปิดสวนกาแฟไปแล้ว 1 แห่ง คือ ส่วนกาแฟโรงโป๊ะ แต่ต่อไปจะสร้างให้เป็นสวนกาแฟขนาดใหญ่ ขนาดพื้นที่เท่ากับ 1 สนามฟุตบอล

แผนการควบคุมและดำเนินการ

จากการจัดระบบในองค์กร ทำให้มองเห็นถึงจุดสำคัญอยู่ 2 จุด คือ แผนการฝึกอบรมพนักงาน และการควบคุมการรั่วไหลของระบบเงิน
แผนการฝึกอบรม
กิจการมีการจัดระบบการฝึกอบรมให้กับพนักงานให้มีมาตรฐานของการให้บริการที่มีรูปแบบและระดับมาตรฐานโดยจัดเชิญ วิทยากร จากภายนอกมาให้การอบรมพนักงาน เป็นประจำ

แผนการควบคุมระบบรั่วไหล

ควบคุมด้วย

1. การตรวจสต็อกของสินค้าและวัตถุดิบ

กิจการมีระบบการตรวจเช็ค ภาชนะที่ใช้ในการบรรจุกาแฟ เช่น ถ้วยกาแฟ ควบคู่ไปกับปริมาณของวัตถุดิบกาแฟที่ใช้ ซึ่งทางฝ่ายจัดการได้มีสูตร และอัตราส่วนการผสมชงกาแฟต่อแก้วไว้แล้วการลดลงของกาแฟกับถ้วยกาแฟจะต้องสอดคล้องกันอย่างไม่มีนัยสำคัญ

2. การบริหาร

ด้วยการจัดระบบการบริหารเป็นเขตๆ แต่ละเขตดูแลร้านค้าที่เรียกว่า บ้าน ในสัดส่วน 1 เขตต่อ 6 บ้าน และหัวหน้าเขตจะต้องเป็นผู้ดูแลระบบบัญชีของแต่ละเขต ตรวจสอบการโอนเงินประสานงานกับของสำนักงานใหญ่ทุกวัน โดยมีระบบการสื่อสารแจ้งข่าวคราวผ่านทาง วิทยุตามตัว ซึ่งแต่ละสาขาจะ มีเครื่องข้อมูลการติดต่อประสานงานส่งถึงทุกสาขาพร้อมๆกัน

3. การควบคุมคุณภาพ

คุณภาพรสกาแฟมีความสำคัญจึงมีฝ่ายตรวจสอบคุณภาพ ประจำเขต คอยดูแลคุณภาพของกาแฟ โดยไปเยี่ยมเยือนตามสาขาต่างๆ นอกจากฝ่ายตรวจสอบคุณภาพประจำเขตแล้ว ยังมีจากส่วนกลางจะออกสำรวจโดย ใช้แบบสอบถามเป็นระยะ ๆ

4. การควบคุมด้านการเงิน

ควบคุมโดยหัวหน้าเขตเนื่องจากมีหลายสาขาและกระจัดกระจายระบบการเงิน จึงได้วางระเบียบให้แต่ละสาขาโอนเงินเข้าบัญชีบริษัทโดยตรง แล้วแจ้งให้หัวหน้าเขตของตนเองทราบ พร้อมสั่งสำเนาการโอนเงินให้หัวหน้าเขตเป็นหลักฐาน ส่วนของหัวหน้าเขต จะต้อง E-mail แจ้งให้สำนักงานกรุงเทพฯ ทราบยอดการโอนก่อน 11.00 น. เพื่อการตรวจสอบยอดการโอนเงินประจำวัน
ควบคุมโดยเครื่องบันทึกเงินสด
เครื่องบันทึกเงินสด จะเป็นเครื่องมืออีกชนิดหนึ่งในการควบคุมระบบเงินสดเข้า และการทอนเงิน เพราะจะมีระบบการพิมพ์สลิปเงินสดทุกครั้งที่มีการเปิดเครื่อง ตลอดจนจะมีป้ายแจ้งให้ลูกค้าทราบว่า “ให้ขอใบเสร็จจากเครื่องทุกครั้ง”

5. ควบคุมโดยลูกค้า

ให้ลูกค้าสามารถกรอกแบบแสดงความคิดเห็นต่างๆ เช่น การบริการ คุณภาพของรสกาแฟ หรือความผิดสังเกตต่างๆ ที่พบเห็นในขณะนั้น โดยส่งตรงต่อสำนักงานกรุงเทพฯ โดยไม่ต้องเสียค่าอากรแสตมป์ พร้อมกับจะมีรางวัล เล็กๆน้อยๆ สำหรับข้อมูลที่เป็นจริงและเป็นประโยชน์ต่อกิจการ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ของบริษัทโดยจะเชิญให้มาเป็นเกียรติในการเลี้ยงฉลองประจำปีของบริษัท

ไม่มีความคิดเห็น: